พระสมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อทาบ ปี 05 หลวงปู่ทิมปลุกเสก


พระสมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อทาบ ปี 05 หลวงปู่ทิมปลุกเสก
พระสมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อทาบ ปี 05 หลวงปู่ทิมปลุกเสก
พระสมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อทาบ ปี 05 หลวงปู่ทิมปลุกเสก
พระสมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อทาบ ปี 05 หลวงปู่ทิมปลุกเสก
พระสมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อทาบ ปี 05 หลวงปู่ทิมปลุกเสก


 
 ชื่อรายการ :   พระสมเด็จพุทธกวัก หลวงพ่อทาบ ปี 05 หลวงปู่ทิมปลุกเสก
 รายละเอียด :
พระสมเด็จพุทธกวักผสมสีผึ้งเขียว พิมพ์ใหญ่ หลังกาบหมาก หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยอาจารย์ปถม อาจสาคร เป็นผู้แนะนำ การตำ คลุกเค้าผงและกดพิมพ์พระ ลักษณะ เป็นพระเนื้อผงผสมสีผึ้งเขียว สีดำเข้ม พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก มีทั้งแบบปิดทองคำเปลวด้านหน้าและไม่ปิด พุทธคุณ อานุภาพสุดยอดด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพัน แคล้วคลาดและโชคลาภค้าขายมวลสารส่วนผสม 1.ผงวิเศษเก่าของหลวงพ่อทาบ 2.สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ 3.ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ของอาจารย์ปถม อาจสาคร 4.ผงถ่านคัมภีร์ใบลานโบราณเก่าของหลวงพ่อทาบ 5.ผงวิเศษของหลวงพ่อบุญมี วัดโพธิสัมพันธ์ อ.ศรีราชา ชลบุรี 6.ผงดินมงคลของหลวงพ่อทาบ 7.ผงโยคีฮาเล็บ วัดสารนาถ อ.แกลง ปลุกเสกครั้งที่ 1 หลวงพ่อทาบปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาเต็ม ปลุกเสกครั้งที่ 2 รายนามพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกปลุกเสก ณ วัดกระบกขึ้นผึ้ง 1.หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ รับนิมนต์เป็นประธานพิธี 2.หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก 3.หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง 4.หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก พระเกจิอาจารย์ได้เข้าสมาธินั่งปรกปลุกเสกตั้งแต่ 18.00 น. ถึงประมาณ 02.00 น. ของวันใหม่ โดยเฉพาะเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ทิมอิสริโก รับนิมนต์มาปลุกเสกนอกวัดละหารไร่ และท่านได้นั่งปรกปลุกเสกรวดเดียว 8 ชั่วโมง โดยไม่หยุดพักฉันน้ำชา (ปกติจะลั่นฆ้องทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้พระคุณเจ้าได้ถอนสมาธิพักผ่อนอิริยาบถและฉันน้ำชาประมาณ 30 นาที) สีผึ้ง หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง เครื่องรางของขลังถ้าพูดถึง สีผึ้ง คงจะต้องรู้ว่าอันดับหนึ่งที่นิยมกันมากคือ สีผึ้ง หลวงพ่อทาบ วัดใหม่กระบกขึ้นผึ้ง ด้วยอานุภาพสีผึ้งหลวงพ่อทาบ เป็นที่โด่งดังมากด้าน มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม จนใครหลายคนต้องการกันมาก วันนี้นำ คาถาหลวงพ่อทาบ ในการบูชาสีผึ้งและการอารธนาติดตัวมาฝาก ถ้าต้องการใช้ขี้ผึ้งทาปาก ให้ตั้ง นะโม 3 จบ พร้อมกับทาสีผึ้งที่ริมปาก โดยคาถาว่าดังนี้ จิตติ มิตติ อะระหัง ปิยังมะมะ ใช้นิ้วมือแตะสีผึ้งทาปาก ตามที่ต้องการดังนี้ 1.ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะสีผึ้งทาปาก กรณีเข้าหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ 2.ให้ใช้นิ้วชี้แตะสีผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือคนรับใช้ 3.ให้ใช้นิ้วกลางแตะขี้ผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาผู้สูงอายุ หรือแม่หม้าย 4.ให้ใช้นิ้วนางแตะสีผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาสาวๆหนุ่มๆ 5.ให้ใช้นิ้วก้อยแตะสีผึ้งทาปาก เมื่อจะไปหาสาวน้อย หรือคนที่มีอายุน้อยกว่า ส่วนถ้าต้องการพกพาสีผึ้งติดตัว ให้ใช้พระคาถา อารธนาสีผึ้งเขียวติดตัว ดังนี้ ตั้งนะโม 3 จบ อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรหัง #ประวัติ หลวงพ่อทาบ 3/4 สมบัติโลก พระเครื่อง มรดกชิ้นสุดท้าย ”เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒ อาจารย์ปถมได้มาตำแหน่งสหกรณ์ จ.ระยอง ท่านเป็นผู้มีใจใฝ่ทางไสยเวทวิทยาคม สามารถทำผงลบผงพุทธคุณได้ เมื่อย้ายไปรับราชการ ณ ที่ใด ท่านก็มักจะสร้างพระ ณ ที่นั่น เมื่อท่านย้ายมารับราชการที่ จ.ระยอง จากการที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด เป็นเหตุให้อาจารย์ปถมได้คุ้นเคยกับเกจิอาจารย์ดังหลายรูป โดยเฉพาะที่ อ.บ้านค่าย เมื่อมาอยู่ก็เที่ยวสอบถามถึงความรู้ความสามารถของบรรดาเกจิอาจารย์ในท้องถิ่น ระยะนั้นพระเกจิชื่อดังก็มีหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ซึ่งรูปนี้เก่งทางสีผึ้งเมตตามหานิยม ส่วนอีกรูปแปลกว่ารูปอื่น ๆ ไม่ค่อยพูดกับใคร มีบางคนไปหาท่านรูปนี้แล้วไม่พูด ต่างนั่งมองหน้ากันอยู่เป็นเวลานาน สองนานไม่พูดกับท่านก่อนท่านก็จะนั่งอยู่อย่างนั้นไม่พูดด้วยก็เคยมี ขรัวรูปนี้ถือสันโดษอยู่ วัดละหารไร่ ต.ตาสิทธิ อ.บ้านค่าย ท่านมีของดีคือ ตะกรุดมหานิทรา ถ้าวางบนเสาเอกของบ้าน คนในบ้านนั้นจะหลับเสมือนถูกสะกด พระรูปที่ว่านี้ก็คือ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ สาเหตุที่อาจารย์ปถมได้รับการขอร้องจากหลวงพ่อทาบวัดกระบกขึ้นผึ้งให้ไปช่วยอำนวยการสร้างพระเครื่องครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่านก็มาจากที่อาจารย์ปถมได้เห็นปฏิปทาของหลวงปู่ทิมมาก่อนนั้นเอง อาจารย์ปถมเล่าว่า เมื่อทราบว่า หลวงปู่ทิมเป็นพระแปลกไม่พูดจากับผู้ใดชอบอยู่เงียบ ๆ อย่างสันโดษ อีกทั้งฉันมังสวิรัติมื้อเดียว ท่านมีปฏิปทาแบบเดียวกับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ที่อาจารย์ปถมนับถือ ดังนั้นในเวลาไปราชการตามท้องที่ ก็ถือโอกาสไปพักบ้านกำนันเสถียร ซึ่งอยู่หน้าวัดละหารไร่ และอีกทั้งยังเป็นโยมวัดคนหนึ่ง (หมายถึงกรรมการวัด) อาจารย์ปถมเริ่มเฝ้าสังเกตวัตรปฏิบัติ เห็นว่าท่านหลวงปู่ทิมเป็นพระที่มีอารมณ์เยือกเย็น มีจริยาวัตรสมถะน่าเคารพเลื่อมใส มักน้อย สันโดษ ไม่ช่างพูด ไม่คิดในสิ่งเสพติดทั้งหลายทั้งมวล คือไม่ฉันน้ำชา กาแฟ และไม่สูบบุหรี่ เมื่อเห็นปฏิปทา ท่านอาจารย์ปถม ก็เลยเอ่ยปากขอสร้างเหรียญโดยจะเป็นผู้ออกเงินสร้างเอง (ต้นปี พ.ศ. 2503) ท่านก็ส่ายหน้าไม่เอา อาจารย์ปถมจึงมุมานะลงมือสร้างผงลบผงปั้นเป็นองค์พระตามวิธีการที่ร่ำเรียนมาเสร็จแล้วก็ยกพระทั้งหมดซึ่งมีหลายพิมพ์ดังกันไปให้ท่านช่วยปลุกเสกได้ อาจารย์ปถมเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านตอบว่า “นี่ทำให้ไม่เป็น” ผมก็เลยกราบงาม ๆ ๓ ครั้ง แล้วบอกว่า “นั่นแหละครับผมต้องการอาจารย์ที่เสกไม่เป็น” ท่านก็ยิ้มไม่พูดอะไร จากนั้นก็กราบลาท่าน และทิ้งของไว้ ต่อมาทราบจากศิษย์ผู้ใกล้ชิดของท่านว่า ท่านบอกศิษย์นั่งอยู่วันนั้นว่า “คนนี้ฉลาดรู้ไหมในกล่องนั้นของวิเศษทั้งนั้น” ด้วยเหตุที่หลวงปู่ทิม และหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งท่านเป็นเกลอกัน เมื่อหลวงพ่อทาบจะสร้างพระผงก็มาหารือกับหลวงปู่ทิมถึงการทำผงให้ถูกต้องตามตำรา โดยหลวงพ่อทาบไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งจารผงและลบผงเอง หลวงปู่ทิมจึงแนะนำว่า “โยมปถมนั่นแหละทำผงเก่ง และทำชะงัดนัก ยังเคยทำมาให้นี่เสกเลย” หลวงพ่อทาบจึงให้คนไปเชิญอาจารย์ปถมมาที่วัดกระบกขึ้นผึ้งและเอ่ยปากว่าจ้างให้ช่วยเป็นผู้อำนวยการสร้างพระผงให้ท่าน อาจารย์ปถมเล่าว่า ผมก็รับปากด้วยความยินดี โดยจะขอสร้างเป็นพุทธบูชาไม่ขอรับค่าจ้างน็นปฏิกิริยาจารย์ปถมได้รั้งสุดท้ขิ้นย ได้รับการขอร้องจากหลวงพ่อทาบวัดกร่ะม หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง แต่อย่างใด แต่มีข้อแม้ว่าการปลุกเสกต้องนิมนต์หลวงปู่ทิมมาร่วมด้วย หลวงพ่อทาบไม่ขัดข้อง หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อทาบก็อุตส่าห์ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ (สมัยนั้นถนนยังไปมาไม่สะดวก) ไปหาหลวงปู่ทิมเพื่อปรึกษาหารือในการสร้างพระในครั้งนี้และนิมนต์หลวงปู่ทิมไปปลุกเสกด้วย อาจารย์ปถมท่านรู้ตัวดีว่าเป็นเพียงฆราวาสที่ยังข้องแวะอยู่ในโลกีย์ แม้จะทำผลเกิดความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์อย่างไรผู้คนทั่วไปคงจะเชื่อถือยาก ดังนั้นจึงไปขอผงวิเศษจากวัดโพธิสัมพันธ์ อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี ซึ่งหลวงพ่อบุญมีเป็นผู้ทำขึ้น นอกจากนี้ยังได้นำผงซึ่งโยคีฮาเล็บสร้างให้วัดสารนาถ อ. แกลง จ. ระยอง มาร่วมด้วย ผงวิเศษนี้สร้างโดยศิษย์สายพระอาจารย์มั่นภูริทัตเถระ ประกอบพิธีสร้างขึ้นที่วัดสัมพันธ์วงศ์ กทม. เป็นผงซึ่งหลวงพ่อลี วัดอโศการาม นำไปสร้างพระผงของท่าน อาจารย์ปถมเล่าว่า ได้รวบรวมผงทั้งหมดได้ประมาณ ๑ บาตรเต็ม ๆ แล้วจึงนำเอาไปถวายหลวงพ่อทาบที่วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อหลวงพ่อทาบเห็นผงทั้งหมดแล้ว ท่านหัวเราะชอบใจ และบอกว่า “ผงนี้เฮี้ยวจริง ๆ มีทั้งนุ่ม ลึก และเข้มแข็ง” ผู้เขียนก็เลยเรียนถามว่า คำว่า “เฮี้ยวจริง ๆ และนุ่มลึก หมายถึงอะไร” อาจารย์ปถม อาจสาคร ตอบว่า “เป็นสำนวนที่หลวงพ่อทาบพูดเมื่อครั้งที่ผมเอาผงไปถวายท่าน ส่วนความหมายนั้นหมายความว่าผงนั้นขลังศักดิ์สิทธิ์และแรงจริง ๆ ท่านจึงใช้คำว่าเฮี้ยวจริง ๆ ส่วนนุ่มลึกคงหมายถึง แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลมีเสน่ห์ อันหมายถึงเมตตามหานิยมนั่นเอง” เมื่อได้ผงแล้ว หลวงพ่อทาบนำผงทั้ง หมดประมาณ ๑ บาตรเต็ม ๆ ไปผสมเข้ากับผงเก่า ๆ ของท่าน ซึ่งมีทั้งคัมภีร์โบราณเผา ดินมงคลต่าง ๆ ตามที่ท่านได้เสาะแสวงหาได้ เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว หลวงพ่อท่านได้กดพิมพ์พระด้วยตัวท่านเองเป็นปฐมฤกษ์ หลังจากนั้นท่านได้ขอร้องให้ชาวบ้านนุ่งขาวห่มขาวอาราธนาศีลทุกคนช่วยกดพิมพ์ขึ้น โดยอาจารย์ปถมเป็นผู้อำนวยการสร้าง คือแนะนำการตำผงคลุกเคล้าผงและกดพิมพ์ สำหรับพระชุดนี้เป็นพระผงดำทั้งหมด มีพิมพ์สมเด็จ เป็นพิมพ์เก่าที่ผมได้มาจากวัดเนิน จ.ระยอง เป็นวัดร้างเก่าแก่ติดกับวัดลุ่มมหาชัยชุมพล พิมพ์พระแบบสมเด็จที่ได้มา เข้าใจว่าเป็นพิมพ์สมัยหลวงปู่สังข์เฒ่า ทำด้วยหินมีดโกน อีกพิมพ์หนึ่งเป็นพิมพ์แม่นางกวัก พิมพ์นี้ ลุงเจริญ เพชรนคร หลานหลวงพ่อทาบเป็นเป็นผู้แกะพิมพ์จากหินมีดโกนเช่นกัน ส่วนพิมพ์พระปิดตามี 5 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่เป็นพิเศษ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก และพิมพ์จิ๋ว นอกจากนี้ยังมีพิมพ์กลีบบัว อีกพิมพ์หนึ่งทั้งหมดสร้างด้วยเนื้อผงดำ ได้พระประมาณ ๘๔,๐๐๐ องค์ เท่ากับพระธรรมขันธ์ ที่สำคัญหลวงพ่อทาบได้นำสีผึ้งเขียวผสมเองลงไปด้วย ดังนั้นพระทุกองค์จึงมีส่วนผสมของสีผึ้งเขียว เมื่อพิมพ์พระเสร็จแล้ว หลวงพ่อทาบท่านปลุกเสกพระชนิดมวยเดี่ยวแต่เพียงองค์เดียวประมาณหนึ่งพรรษาเต็ม ๆ เมื่อใกล้จะถึงงานผูกพันธสีมาอุโบสถ หลวงพ่อทาบจึงทำพิธีปลุกเสกเสริมข้อบกพร่องอีกครั้งหนึ่ง เรียกว่าทำเพิ่มเสริมหรืออุดช่องโหว่ โดยไปนิมนต์หลวงปู่ทิมมาเป็นประธาน นับเป็นงานครั้งแรกของหลวงปู่ทิมที่ท่านได้ออกจากวัดละหารไร่มาร่วมพิธีปลุกเสก ปีนั้น พ.ศ. ๒๕๐๕ หลวงปู่ทิมมีอายุ ๘๓ ปี พอดี อาจารย์ปถมเล่าว่า การปลุกเสกครั้งนั้นนับว่าเป็นครั้งแรกของบ้านค่ายที่ชาวบ้านนำพระเครื่องของตนมาร่วมในพิธีปลุกเสกเพื่อเสริมพลังด้วย และในงานนี้มีอยู่รายหนึ่งนำเอาน้ำมันใส่ผมตรานางสงกรานต์เข้าพิธีด้วยหลายหีบ คิดว่าเพื่อให้เกิดเสน่ห์มหานิยม เอาไว้เพื่อผสมกับน้ำมันใส่ผมอื่นๆ ที่จะใช้ประจำวัน สำหรับพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมปลุกเสกก็มี หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก สำหรับหลวงพ่อทาบ อาจารย์ปถมบอกว่าท่านไม่ได้มาร่วมนั่งปลุกเสก ได้แต่นั่งรับแขก เพราะท้องท่านเสีย ทันทีที่พิธีปลุกเสกเริ่มขึ้นก็มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้น เพราะเทียนคู่ที่ตั้งอยู่เกิดหงิกงอ มีรูปคล้ายหงส์ ฝาขาดน้ำมันใส่ผมตรานางสงกรานต์ ก็เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกัน ๓-๔ ฝา ปลิวกระเด็นออกมาท่ามกลางความตกตะลึงของผู้เข้าร่วมในพิธี ทุกคนเชื่อว่าเป็นเพราะอานุภาพหลังจิตของหลวงปู่ทิม เพราะกล่องใส่น้ำมันอยู่ตรงหน้าหลวงปู่ทิมพอดี แม้ว่าอายุจะย่างเข้า ๘๓ ปี พรรษาที่ ๖๐ หลวงปู่ทิมท่านก็ลุกขึ้นเมื่อเลิกปรก ทั้ง ๆ ที่ในระหว่างนั่งปรก ทางเจ้าพิธีการได้แบ่งการปลุกเสกไว้ถึง ๔ ช่วง โดยปลุกเสกไปเกือบ ๒ ชม. ก็จะตีฆ้องครั้งหนึ่งเพื่อบอกกล่าวให้หลวงพ่อที่ปรกออกจากเข้าสมาธิ พักผ่อนดื่มน้ำชา กาแฟ ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่หลวงปู่ทิมท่านนั่งปรกตลอด ๘ ชม. โดยไม่ลุกขึ้นผักผ่อนเลย และเมื่อท่านเลิกปรกเมื่อประมาณ 2 นาฬิกาเศษของวันใหม่แล้ว ท่านก็ไม่ยอมดื่มน้ำชาที่ทางเจ้าพิธีนำมาถวาย ท่านได้พูดเล่นกับอาจารย์ปถมว่า “ให้เสกแบบนี้เมื่อยตาย” จากนั้น ก็กลับวัดเลย เมื่อศิษย์ถามว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่ฉันน้ำที่เขาถวาย และไม่รับปัจจัยที่เขาถวาย” หลวงปู่ทิมตอบว่า “ถ้าฉันน้ำของเขา และรับปัจจัยที่เขาถวาย ก็จะไม่ได้บุญ เพราะเท่ากับรับจ้างเขาเสกพระ” ศิษย์ ถามต่อไปอีกว่า “ทำไมต้องนั่งพนมมือเสก รูปอื่น ๆ เขานั่งสมาธิมือขวาทับมือซ้ายกันทั้งนั้น” ท่านตอบว่า “พนมมือเสกพระดีกว่า เพราะถ้าเกิดนั่งหลับ เมื่อนั้นคนเขาจะได้รู้ เพราะมือที่พนมไว้มันจะตก” พระผงผสมสีผึ้งหลวงพ่อทาบ มีทั้งหมด ๙ พิมพ์ ดังกล่าวแล้ว และเมื่อทำพิธีปลุกเสกเสร็จแล้ว ประชาชาแถบนั้นให้ความสนใจมาก ที่วัดกระบกขึ้นผึ้งวันถัดมาก็มีงาน ผู้ที่ทำบุญตั้งแต่ ๑๐-๒๐ บาท หลวงพ่อทาบก็จะแจกพระให้องค์หนึ่ง พระส่วนหนึ่งได้นำออกมาแจกในวันงาน และเก็บไว้แจกในวันต่อ ๆไป ส่วนอีกจำนวนหนึ่งหลวงพ่อทาบท่านได้บรรจุใส่ไหหลายใบ บรรจุไว้ในฐานพระประธานในอุโบสถ ประสบการณ์พระผง ในงานวัดกระบกขึ้นผึ้ง บรรดาหนุ่มในหมู่บ้านหลายแห่งได้มาพบกันในงานวัด และต่างก็ได้รับแจกพระเครื่องผงดำไปคนละองค์สององค์ ก็มีเรื่องเฮี้ยวเกิดขึ้นจนได้มีการเขม่นและเกิดวิวาทตีรันฟันแทงกันขึ้น เพราะบ้านค่ายนั้นเป็นดินแดนของหนุ่มชาวไร่อ้อย ชาวไร่มัน และหนุ่มโรงน้ำตาล ผู้คนมาจากทุกสารทิศ เรื่องตีรันฟันแทงมีขึ้นเป็นประจำทุกงาน ปกติหากวัดที่มีเกจิอาจารย์ดังๆ เป็นเจ้าวัด เวลามีงานท่านมักจะนำตะกรุดมหาระงับไปแอบฝังไว้ตรงลานวัด เพื่อระงับเหตุไม่ให้มีการทะเลาะกัน แต่หลวงพ่อทาบท่านไม่ได้ทำ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครเลือดตกอย่างออกเลย ด้วยเหตุนี้พระเครื่องส่วนที่นำออกไว้แจกจึงหมดไปในเวลาไม่นาน และพระเครื่องชุดนั้นก็ดังระเบิด รายต่อมาสามล้อระยอง กำลังปั่นซาเล้งอยู่กลางถนน เสาไฟฟ้าเกิดหักลงเกือบจะทับรถ ซึ่งแล่นมาพอดี คนขับไม่เป็นอะไรเพราะในตัวมีพระผงซึ่งได้รับแจกมาจากหลวงพ่อทาบเพียงองค์เดียว เรื่องนี้ดังมากในตลาดยุดนั้น
 ราคา :   โทรถาม
 
 ร้าน :   ภูวนัยเชียงราย  
 เบอร์โทรติดต่อ :   0647749989
 E-mail :   Tanee9989@gmail.com

 วันที่อัพเดตข้อมูลล่าสุด :   8 เม.ย. 2560 15:46:35